คลังเก็บหมวดหมู่: ไม่มีหมวดหมู่

คดีฟ้องหย่า อำนาจปกครองบุตร

คดีนี้ จำเลยเป็นภรรยา แต่ภูมิลำเนาอยู่ จ.สกลนคร (ฟ้องมูลคดีเกิด…ละทิ้งร้างเกิน 1 ปี ทิ้งกันที่ อ.เมืองนนทบุรี) ส่งหมายเรียก+สำเนาคำฟ้องข้ามเขตไป จ.สกลนคร ผลการส่งหมาย ปิดหมาย จำเลยไม่มาศาล….นัดหน้า ถ้าไม่มาต้องยื่นคำร้องขอชนะคดีโดยขาดนัด ศาลจะให้สืบโจทก์ไปฝ่ายเดียว

เพิกถอนการขายทอดตลาด

เพิกถอนการขายทอดตลาด สามารถทำได้หรือไม่ กรณีใดบ้างและอ้างเหตุผลใด

การขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น สามารถทำได้ครับ แต่มีระยะเวลาตามกฎหมาย โดยเจ้าของทรัพย์เดิมสามารถยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ไม่ว่าในเวลาใด ก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า 15 วัน นับแต่วันที่ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสาม ทั้งนี้ ในคำร้องดังกล่าวจะต้องอ้างเหตุผลตามกฎหมายด้วยว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย เช่น มิได้แจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ให้เจ้าของทรัพย์เดิมทราบถึงวันขายทอดตลาดทรัพย์ของตน หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ไปโดยไม่สุจริต มีการสมรู้ร่วมคิดกับผู้ซื้อทรัพย์ กดราคา และกระทำโดยประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของทรัพย์เดิม ซึ่งเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 296 วรรคสอง

 

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ยื่นคำร้องก็ยังมีข้อควรระวัง หากยื่นคำร้องเข้ามาโดยไม่มีมูลและเพื่อประวิงให้ชักช้าจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อทรัพย์ ผู้ซื้อทรัพย์ก็มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ จึงขออ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7313/2552 ซึ่งได้วางหลักและอธิบายความหมายของกฎหมายวิธีสะบัญญัติในเรื่องนี้ได้ดีพอสมควรครับ

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  7313/2552

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 296 วรรคสอง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ดังนี้ หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่า คำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้ร้องทั้งสองไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ผู้ซื้อทรัพย์ย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ศาลมีอำนาจสั่งให้แยกการพิจารณาเป็นสำนวนต่างหากจากคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคหก การที่ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนในคดีเดิมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน

พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ โดยจำเลยทั้งสามตกลงผ่อนชำระเป็นงวด หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2732 ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้าน 2 ชั้น ของจำเลยที่ 3 ซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดิน 250,000 บาท ราคาสิ่งปลูกสร้าง 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 300,000 บาท ระหว่างบังคับคดีจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของ

 

 

 

จำเลยที่ 3 ในการขายทอดตลาดครั้งแรกไม่มีผู้เข้าสู้ราคา ครั้งที่ 2 มีผู้เข้าสู้ราคาหนึ่งราย เสนอราคาสูงสุดที่ 240,000 บาท จำเลยที่ 3 คัดค้านการขาย เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขาย วันที่ 19 เมษายน 2545 จำเลยที่ 1 ติดต่อกับโจทก์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้และได้ทำบันทึกข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ขึ้นในวันดังกล่าว โดยโจทก์ยอมให้จำเลยทั้งสามผ่อนชำระหนี้ได้ ซึ่งจำเลยทั้งสามได้ผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้แต่ชำระตรงตามสัญญาและไม่ตรงตามสัญญาบ้าง แต่โจทก์มิได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 3 ต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม 2546 ได้มีการขายทอดตลาดครั้งที่ 4 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้แก่ทายาทของจำเลยที่ 3 คือ นางกมลวรรณ นางวิภาวรรณ และผู้ร้องที่ 2 ทราบ แต่ไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบ มีผู้เข้าสู้ราคา 2 ราย ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด 530,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายจึงเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ผู้ซื้อทรัพย์คัดค้านและขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองวางเงินประกันความเสียหาย ต่อมาผู้ร้องทั้งสองนำเงินประกันความเสียหายมาวางศาล 50,000 บาท ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องว่า คำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดไม่มีมูล ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ทำให้ผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยในทรัพย์ที่ซื้อคิดเป็นค่าขาดประโยชน์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเป็นเวลา 15 เดือน เป็นเงิน 75,000 บาท และผู้ซื้อทรัพย์ต้องเสียค่าทนายความและค่าจ้างในการต่อสู้คดีเป็นเงิน 100,000 บาท ขอให้บังคับผู้ร้องทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปโดยขอรับเงินประกันความเสียหายที่ผู้ร้องทั้งสองวางศาลมาชำระเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันมีคำสั่ง (วันที่ 21 มีนาคม 2548) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ซื้อทรัพย์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ซื้อทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ว่า หากผู้ซื้อทรัพย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ซื้อทรัพย์มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลในคดีเดิมได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์โดยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย กล่าวคือมิได้แจ้งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ 1 หรือให้แก่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นทายาทของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียทราบถึงวันขาย

 

 

 

ทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ไปโดยไม่สุจริต สมรู้ร่วมคิดกับผู้ซื้อทรัพย์กดราคา และกระทำโดยประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องทั้งสอง จึงเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 296 วรรคสอง หากผู้ซื้อทรัพย์ซึ่งอาจได้รับความเสียหายเนื่องจากการยื่นคำร้องขอดังกล่าวเห็นว่ามีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองวางเงินหรือหาประกันต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนด เพื่อเป็นการประกันค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลนั้นได้ ซึ่งผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองนำเงินมาวางประกัน 50,000 บาท ซึ่งผู้ร้องทั้งสองได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองยื่นอุทธรณ์ หากผู้ซื้อทรัพย์เห็นว่าคำร้องนั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ผู้ซื้อทรัพย์ก็มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองนั้นชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนได้ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้แยกการพิจารณาเป็นสำนวนต่างหากจากคดีเดิม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคท้าย ดังนั้น ที่ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนในคดีเดิมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์ฟังขึ้น

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การยื่นคำร้องของผู้ร้องทั้งสองไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้าหรือไม่ เห็นว่า ระหว่างการขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยที่ 3 ได้ตกลงกับโจทก์โดยขอผ่อนชำระหนี้ ตามบันทึกข้อตกลงปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และจำเลยที่ 3 ได้ผ่อนชำระตามบันทึกดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีหน้าที่ที่จะขอให้งดการบังคับคดี โดยงดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ไว้ แต่โจทก์หาได้กระทำแต่อย่างใด คงปล่อยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบถึงวันขายทอดตลาด พฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีเหตุให้ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด จึงมิใช่การยื่นคำร้องโดยไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงให้ชักช้า ฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

( ศิริชัย วัฒนโยธิน – ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล – กีรติ กาญจนรินทร์ )
ศาลจังหวัดสงขลา – นางสาวสุภัทรา กรอุไร
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 – นายจิรพงษ์ ทัศน์เอี่ยม
ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง, 296 วรรคหก, 309 ทวิ วรรคสอง

 

ความรู้เกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่า

Visa

วีซ่า…เรื่องง่ายๆ สำหรับคุณ

การดำเนินการเรื่องวีซ่า จะไม่เป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป… ด้วยบริการจัดทำวีซ่า   (Visa Service)    พร้อมให้บริการด้านวีซ่าครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ดำเนินการข้อมูลด้านวีซ่า ขอวีซ่า จนถึงยื่นวีซ่า เพื่อให้คุณเริ่มต้นการเดินทางได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการยื่นขอวีซ่า ไม่ว่าจะเป็น

วีซ่านักท่องเที่ยว  (Tourist Visa)

วีซ่าประเภทเยี่ยมเยือน   (Visitor Visa)

วีซ่าถาวร แต่งงานหรือคู่หมั้น   (Marriage Visa or Fiancé Visa)

วีซ่านักเรียน  (Student Visa)  และวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ

(Non-Immigrant Visa)  บริการด้านวีซ่าจาก  Visa Service  จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า… คุณพร้อมและสามารถเดินทางได้ในทุกสถานการณ์

ขั้นตอนการให้บริการด้านวีซ่า   By Visa Service

วิเคราะห์หาจุดอ่อน และปิดปัญหาจุดอ่อนในการขอวีซ่า   ดำเนินการในเรื่องการเดินเรื่องเอกสาร  ดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้  (การขอวีซ่าในแต่ละประเทศ การเตรียมเอกสารถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเอกสารไม่พร้อมอาจมีผลต่อการตอบรับวีซ่า) ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนการเข้าสัมภาษณ์และดูแลจนจบขั้นตอนการขอวีซ่า

เอกสารประกอบทั่วไปในการยื่นขอทำวีซ่าแต่ละประเทศ

วีซ่าท่องเที่ยว

  1. หนังสือเดินทาง / Passport
  2. ใบคำร้องการขอวีซ่า (กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนชัดเจนพร้อมเซ็นชื่อ) / Application Form
  3. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน / Photo
  4. สำเนาบัตรประชาชนหรือสูติบัตร (สำหรับเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง15ปีหรือยังไม่มี บัตรประชาชน) / Identity card or Birth Certificate

 

 

  1. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ หรือสกุล / Certificate of Name Chang or Certificate of Last Name
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน (หน้าที่ระบุเลขที่บ้าน และหน้าที่ระบุชื่อท่านในทะเบียนบ้าน) / Resident Registration
  3. สำเนาทะเบียนสมรส หรือทะเบียนหย่า / Certificate Marriage or Certificate of Divorce

กรณีคู่สมรสไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่มีบุตรด้วยให้แสดงสูติบัตรของบุตรด้วย

  1. เอกสารการทำงาน หรือเอกสารทางธุรกิจ / Certificate of Employee or Certificate of Commercial Registration
  2. เอกสารทางการเงิน / Financial Evidence
  3. หนังสือเชิญ / Invitation Letter

วีซ่าประเภทเยี่ยมเยียน/มีผู้เชิญ ต้องมีเอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าเพิ่มเติมดังนี้

  1. สำเนาพาสปอร์ตของผู้เชิญ
  2. สำเนาเอกสารแสดงทรัพย์สินของผู้เชิญ
  3. สำเนาเอกสารการเสียภาษีปีล่าสุด
  4. เอกสารทางการเงินย้อนหลัง 6 เดือน
  5. เอกสารทางการทำงานของผู้ยื่น
  6. เอกสารการหย่าร้าง (ในกรณีผู้เชิญเคยมีการสมรส)
  7. เอกสารแสดงที่พักของผู้เชิญ (ควรมีรูปถ่ายของสถานที่พักแนบมาด้วย)
  8. จดหมายเชิญ (อธิบายถึงความสัมพันธ์ของผู้เชิญ ในกรณีที่การันตี และออกค่าใช้จ่ายในเรื่อง ค่าที่พัก ตั๋วเครื่องบิน หรือค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง ให้ทางผู้การันตีแจ้งมาด้วย)
  9. เอกสารที่ยืนยันความสัมพันธ์ของผู้ถูกเชิญ เช่น รูปถ่าย E-mail บิลค่าโทรศัพท์ เอกสารการส่งเงิน หรืออื่นๆ

 

 

 

 

 

วีซ่าถาวร คู่หมั้น-แต่งงาน-ติดตามคู่สมรส

  1. หนังสือการขอใบรับรองความเป็นโสด และใบสำคัญแสดงการหย่า (ในกรณีที่ผู้สมรสเคยจดทะเบียน) พร้อมฉบับแปลเป็นภาษาไทย และต้องมีการรับรองโดยกรมการกงสุล
  2. การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติในไทย ด่วน 3-7 วันทำการ
  3. การยื่นขอวีซ่าแต่งงาน
  4. การเตรียมเอกสารของทั้งคู่ เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของเรา สำเนาหนังสือเดินทางของคู่สมรส
  5. เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ของผู้ขอวีซ่า
  6. ใบรับรองการเรียนภาษาก่อนการขอวีซ่า (ในบางประเทศ เช่น เยอรมัน)
  7. การตรวจสุขภาพ และประวัติอาชญากร
  8. การยื่นขอวีซ่าให้บุตรติดตามไปด้วย

*****ในกรณีการขอวีซ่าถาวร จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าการขอวีซ่าท่องเที่ยว และระยะเวลาในการดำเนินการไม่ค่อยแน่นอน ขึ้นอยู่กับ การเตรียมเอกสารของผู้ยื่นขอ ดังนั้นในการยื่นขอวีซ่าประเภทนี้ควรศึกษาให้ละเอียด*****

 

 บริการอื่นๆ 

– กรอกฟอร์ม วีซ่าทุกประเทศ ราคาเริ่มต้นที่ 1000-2,000 บาท

– แปลเอกสารรับรองกระทรวง – จองคิวสัมภาษณ์ และรับยื่นวีซ่าทุกประเทศ

– ต่อวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ   Non Immigrant Visa O / Non-Immigrant Visa B

– วีซ่าทำงานในไทย   Work permit

ข้อมูลเพิ่มเติม:

คุณวรรณา โพศรี

Mobile: 081-5662481

หรืออีเมล์มาตามแบบฟอร์มด้านล่างนี้.  Wan2513june@gmail.com

 

ระยอง – ทนายความ สำนักงานกฎหมาย ณัฐวัฒน์ ให้บริการว่าความ ปรึกษาคดี

สำนักงาน กฎหมายณัฐวัฒน์ ให้บริการว่าความ และที่ปรึกษากฎหมาย ในเขตจังหวัด ระยอง และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ

เป็นกลุ่มนักกฎหมายและทนายความที่ให้บริการ ด้านว่าความ และที่ปรึกษา เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 ผู้ก่อตั้งคือนายณัฐวัฒน์ เชี่ยวชาญวิช ซึ่งเป็นทนายความ มีประสบการณ์ในการว่าความในคดีหลากหลายประเภท เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี

ปัจจุบัน (ปี พ.ศ.2560) สำนักงานกฎหมายณัฐวัฒน์ ให้บริการลูกค้าลูกความด้านอรรถคดีต่าง ๆ ทุกประเภท รวมทั้งเป็นที่ปรึกษากฎหมาย มากกว่า 200 ราย และให้บริการด้านตรวจสอบและจัดทำนิติกรรมสัญญา รวมทั้งรับดำเนินการเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินการเรื่องต่าง ๆ และการยื่นคำขออนุญาตอื่น ๆ ต่อหน่วยงานราชการ มากกว่า 100 ราย โดยทีมงานทนายความและนักกฎหมายที่ปฏิบัติงานเต็มเวลาคอยประสานงานสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้รับบริการ ท่านจึงสามารถไว้ใจในงานบริการของเราได้ว่าไม่เกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ สำนักงานกฎหมายณัฐวัฒน์ ยังรับบริการแปลและรับรองเอกสารที่จะต้องนำไปใช้ ณ ต่างประเทศ เช่น การรับรองลายมือชื่อของบุคคล การรับรองสำเนาเอกสาร การรับรองเอกสารที่แปลขึ้นแล้วนำไปใช้ที่ต่างประเทศ เป็นต้น

กลุ่มลูกค้าลูกความผู้ใช้บริการของ สำนักงานกฎหมายณัฐวัฒน์ ดำเนินธุรกิจอยู่ในหลายจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง นครสวรรค์ พิจิต พิษณุโลก แพร่ ลำปางเชียงใหม่ เชียงราย สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี

ทีมงานทนายความ ที่ไว้วางใจได้

ทีมงานทนายความซึ่งควบคุมการทำงานโดยหัวหน้าสำนักงานทนายความที่มี ประสบการณ์ และ ปฎิบัติงานเต็มเวลาพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือหรือตอบคำถามต่อลูกความเมื่อถูกร้องขอ โดยทีมทนายความที่ควบคุมงานประกอบด้วย

  • นายณัฐวัฒน์ เชี่ยวชาญวิช ทนายความใบอนุญาตเลขที่ 1287/2543 ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการว่าความ ว่าต่าง แก้ต่าง ในคดีทุกประเภทอย่างหลากหลาย ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี
  • นายณัฐพล เชาว์เลิศ ทนายความใบอนุญาตเลขที่ 2452/2546
  • นายสมชาย เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษาคดีพิเศษโดยการรวมตัวกันของกลุ่มทนายความรุ่นใหม่ 3 ท่าน ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2549 จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นสำนักงานทนายความ ตามประกาศของนายทะเบียนสภาทนายความ ฉบับที่ 2/2546 โดยได้รับใบอนุญาตทะเบียนเลขที่ 6325/2549

สำนักงานกฎหมายณัฐวัฒน์ ให้บริการรับปรึกษาอรรถคดี และรับจ้างว่าความในคดีทุกประเภท รับเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ติดตามและเร่งรัดหนี้สิน สืบทรัพย์บังคับคดี ร่างและตรวจสอบนิติกรรมสัญญา ร่างพินัยกรรม รับรองลายมือชื่อหรือเอกสารที่ต้องนำไปใช้ ณ ต่างประเทศ

ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายตลอด 24 ชั่วโมง
รับดำเนินงานด้านกฎหมายทั่วราชอาณาจักร อาทิ

งานที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล และธุรกิจอื่น ๆ ทุกประเภท

    • รับมอบอำนาจดำเนินคดีแพ่ง-อาญา คดีกู้ยืม ละเมิด ผิดสัญญา-เรียกค่าเสียหาย คดีเกี่ยวกับทรัพย์และกรรมสิทธิ์ กรณีพิพาทกับที่ดิน คดี พ.ร.บ.เช็ค คดีฉ้อโกง คดีฉ้อโกงเจ้าหนี้ คดียักยอกทรัพย์ ฯลฯ
    • ติดตามและเร่งรัดหนี้สิน สืบทรัพย์ บังคับคดี (ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ ร้องขอขัดทรัพย์ ร้องขอกันส่วน)
    • คดีครอบครัว ร้องขอให้รับเด็กเป็นบุตร ร้องขอให้มีอำนาจปกครองบุตร เพื่อนำบุตรไปอาศัยอยู่ด้วยกัน ณ ต่างประเทศ ร้องขอเพิกถอนอำนาจปกครองบุตร แบ่งสินสมรส ฟ้องหย่า ฟ้องเรียกค่าทดแทน ค่าเลี้ยงชีพ ค่าอุปการะเลี้ยงดู และค่าเสียหายอื่น ๆ
    • คดีมรดก ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ร้องขอเพิกถอนผู้จัดการมรดก ร้องขอแบ่งมรดกในฐานะทายาท-ทายาทแทนที่-ผู้รับพินัยกรรม และคดีที่พิพาทกันด้วยการแบ่งมรดก
    • คดีละเมิด ฟ้องเรียกค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดไร้แรงงาน ค่าขาดไร้อุปการะ ค่าเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน และค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ
    • คดีแรงงาน กรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ฟ้องเรียกค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทํางานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าเสียหายอื่น ๆ
    • คดีแพ่งอื่นๆ ฟ้องร้อง-ต่อสู้คดีกู้ยืมเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เช่าซื้อ ซื้อ-ขายสินค้า บังคับจำนอง และคดีผิดสัญญาอื่น ๆ ทุกประเภท
    • คดีแพ่งเกี่ยวกับที่ดิน เช่น ร้องขอครอบครองปรปักษ์ ร้องขอใช้ทางจำเป็น-ภาระจำยอม ร้องขอให้ศาลสั่งว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.1 รวมทั้งคดีที่พิพาทกันด้วยกรรมสิทธิ์อื่น ๆ
    • คดีผู้บริโภค คดีล้มละลาย คดีปกครอง คดีภาษีอากร และคดีอื่น ๆ ทุกประเภท

สถานที่ติดต่อสำนักงานกฎหมาย ณัฐวัฒน์

5 ซอยศรีบูรพา 17 ถนนศรีบูรพา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
โทรศัพท์-มือถือ : 081 629 3309
โทรศัพท์ : 0-2733-7143
โทรสาร : 0-2733-7143
E-mail : rct.24@hotmail.com

รับรอง สำเนาหนังสือเดินทาง – certify true copy of Passport โดยทนายโนตารี่พับลิค